วันที่ 13 ม.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 วันที่ 13 ม.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ


เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ


กรณีที่ได้มีข่าวปรากฎในสื่อออนไลน์ต่างๆ ในประเด็นเรื่อง ตรวจสอบสิทธิเกี่ยวกับ สปสช. ได้ทางไลน์ check-sith ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ


กรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลว่าตอนนี้สามารถตรวจสอบสิทธิผู้ป่วยผ่านช่องทางไลน์ @check-sith ได้แล้ว เพียงแค่พิมพ์เลขบัตรประชาชน 13 หลัก และวันเดือนปีเกิด ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ชี้แจงว่า สปสช. ไม่เคยมีการจัดทำการสื่อสารดังกล่าว เป็นการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกดึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน โดยสปสช. ได้มีการประสานไปยัง บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อให้ระงับการใช้งาน Line @check-sith แล้ว พร้อมกันนี้ทางสำนักกฎหมาย สปสช. ยังได้เตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างดังกล่าว

จึงขอย้ำกับประชาชนว่า สปสช. ไม่เคยมีการสื่อสารใดๆ ผ่านช่องทางนี้ ซึ่งในกรณีที่ประชาชนต้องการที่จะตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพของตนเอง สามารถดำเนินการได้โดยผ่าน 4 ช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการที่ดำเนินการโดย สปสช. คือ 1. สายด่วน สปสช. 1330 กด 2 ตรวจสอบสิทธิ บริการตลอด 24 ชั่วโมง 2. เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ www.nhso.go.th คลิกตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพ 3. Line @สปสช และ Line @ucbkk สร้างสุข และ 4. แอปพลิเคชัน สปสช.


ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nhso.go.th หรือโทร. 1330


บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไลน์ @check-sith ไม่ใช่ไลน์ของสปสช. เป็นการแอบอ้างหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกดึงข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน


รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน 

5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สมุทรสาคร 231267 ปลัดแต นำทีมคนทำงาน ตบเท้าลงชิงเก้าอี้สู้ ผู้สมัครพรรคประชาชน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ล่าตัวการใหญ่แก๊งคอลเซนเตอร์ จนมุมชายแดนสระแก้ว พร้อมรวบสาวจีน ช่วยเหลือหลบหนี คาสนามบินสุวรรณภูมิ

สกู๊ปพิเศษ ประวัติความเป็นมาเจ้าหน้าที่เทศกิจ หรือ ตำรวจเทศกิจ City Police